top of page
ค้นหา

หน่วยงานภาครัฐ และภาคประชาสังคม ผนึกกำลังกันสร้างข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อการปกป้องคุ้มครองเด็กในสถานรอ

รูปภาพนักเขียน: LPN foundationLPN foundation

lpn, workshop
ผุ้เข้าร่วมแบ่งกลุ่มกันเพื่อออกแบบข้อเสนอต่อการแก้ปัญหาเรื่องเด็ก


เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2565 หน่วยงานภาครัฐ และภาคประชาสังคม ร่วมกันสร้างข้อเสนอเชิงนโยบายที่เหมาะสมต่อสถานการณ์จริงต่อภาครัฐ ในเรื่องการปกป้องคุ้มครองเด็กในสถานรองรับ และกลุ่มเด็กที่เข้าไม่ถึงโอกาส ผ่านเวทีสานเสวนา “สถานรองรับเด็กสำหรับกลุ่มเด็กที่เข้าไม่ถึงโอกาส มีความเปราะบางพิเศษ กับรูปแบบการปกป้องคุ้มครองที่เหมาะสมตามสถานการณ์จริงในสังคมไทย และข้อเสนอเชิงนโยบาย แนวปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เพื่อการคุ้มครองดูแลเด็กตามหลักการด้านมนุษยธรรม สิทธิมนุษยชน และกฎหมายคุ้มครองเด็กในประเทศไทย” ซึ่งจัดโดยมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (LPN) ร่วมกับ สมาคมนักสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ศูนย์สันติภาพและความขัดแย้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เครือข่ายปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ (ATN) องค์กร Operation Underground Railroad (OUR) และมูลนิธิพิทักษ์สตรี ณ ห้องประชุมโรงงานอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กรุงเทพมหานคร



นายสุรพงษ์ กองจันทึก รองประธานมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน และที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร ได้เน้นย้ำและให้ความสำคัญกับการดูแลเด็กว่า



“เด็กจะต้องได้รับการดูแลจากพ่อแม่ หรือในรูปแบบของครอบครัวอื่น ๆ ถ้าเด็กไม่ได้อยู่กับครอบครัวหรือครอบครัวไม่มีความพร้อม ก็ต้องทำให้ครอบครัวและสภาพแวดล้อมที่ดูแลเด็กนั้นพร้อม หากมาอยู่สถานสงเคราะห์ก็จะต้องเป็นครอบครัว ดูแลเด็กให้เหมือนกับที่ครอบครัว”


lpn, speaker,
นายสุรพงษ์ กองจันทึก รองประธานมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน


นายสุรพงษ์กล่าวว่าการจัดการบริการและสวัสดิการให้กับเด็ก ก็จะต้องคำนึงถึงสภาวะความเปราะบางของเด็ก เพื่อให้เกิดประโยชน์กับเด็กสูงสุด และมีความเหมาะสม กระบวนการทุกอย่างจะต้องให้เด็กเป็นศูนย์กลาง รวมถึงต้องดึงการมีส่วนร่วมของครอบครัว ชุมชนและส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้ามาด้วย เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนกันและกันในการหาทางออก และให้เด็กสามารถกลับคืนสู่ครอบครัวได้ในท้ายที่สุด


ด้านนางสาวทานตะวัน ตัวแทนเยาวชนอาเซียนได้สะท้อนประสบการณ์ว่า


“เมื่อก่อนหนูไม่รู้เลยว่าชีวิตในวันข้างหน้าของหนูจะเป็นยังไง เพราะชีวิตแต่ละวันก็มีแค่ตื่นมากินข้าว ดูการ์ตูน แล้วก็นอน พอได้มาอยู่ที่บ้าน LPN ได้ร่วมกิจกรรมการทบทวนตัวเอง หนูก็เริ่มเห็นหนทางข้างหน้าว่าหนูก็ยังมีคุณค่าในตัวเองนะ”

ส่วนนายชั้นรอด ตัวแทนเยาวชนจากโครงการบ้านแม่น้ำ ซึ่งศึกษาอยู่ในชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การอาหาร มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มุ่งหวังที่จะเห็นการจัดการบริหารที่เหมาะสมและเป็นมิตรต่อเด็กในสถานสงเคราะห์ผ่านกิจกรรมต่างๆ รวมถึงอยากให้มีการประเมินประสิทธิภาพของนโยบายและกฎเกณฑ์ต่างๆ ด้านการคุ้มครองเด็กด้วย ส่วนทางผู้ใหญ่เอง ก็มุ่งหวังให้เกิดยุทธศาสตร์ที่ป้องกันและแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ และควรมีการศึกษาแนวปฏิบัติที่ดีเพื่อนำมาเป็นแบบและส่งต่อองค์ความรู้ให้กับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงศึกษาถึงข้อเท็จจริงทางสังคมเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงและปรับเปลี่ยนแนวทางการทำงานของทุกภาคส่วนต่อไป



lpn,speaker
นายชั้นรอด ตัวแทนเยาวชนจากโครงการบ้านแม่น้ำ

วงเสวนาพูดคุยกันถึงแนวทางการสร้างระบบสวัสดิการที่เหมาะสมกับเด็ก ซึ่งภาครัฐเองก็มีข้อจำกัดด้านทรัพยากรและการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย การเข้ามามีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมและภาคเอกชนจึงมีความสำคัญอย่างมากในการจัดสวัสดิการให้ครอบคลุมเด็กทุกคน รวมถึงยังมีการเสนอให้ทำกลไกการเฝ้าระวังในระดับชุมชน จัดการตรวจสอบภายในของหน่วยงานและคนที่ทำงานด้านเด็ก และขอให้รัฐสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการดังกล่าวเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง


แพทย์หญิงนลินี เชื้อวณิชชากร กุมารแพทย์พัฒนาการและพฤติกรรม ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างสภาพแวดล้อมและผู้ดูแลเด็กที่ดีและมีความพร้อมเพื่อให้การจัดสวัสดิการและกระบวนการปกป้องคุ้มครองเด็กนั้นมีประสิทธิภาพ และยิ่งไปกว่านั้นการปรับเปลี่ยนทัศนคติ และความเชื่อเรื่องการใช้ความรุนแรงกับเด็กก็เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน ทั้งกล่าวว่า



“การปกป้องคุ้มครองเด็กที่ดี คือการสร้างผู้ใหญ่ที่ดีในการดูแลเด็ก ให้ผู้ใหญ่ที่อยู่กับเด็กในทุกระดับดูแลเด็กได้”


ด้านผศ.ดร. สมบัติ ตาปัญญา ประธานกรรมการมูลนิธิศานติวัฒนธรรมกล่าวว่า


“หลาย ๆ ที่ที่เราก็เจอความรุนแรงในเด็ก เพราะผู้ใหญ่ในสังคมยังมีความคิดความเชื่อเรื่องการดุ การด่า การตี เด็กอยู่ เราจึงต้องให้ความรู้และพัฒนาผู้ที่ดูแลเด็กอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ไม่ใช้ความรุนแรงและเคารพต่อสิทธิเด็ก”

lpn, meeting
ผู้เข้าร่วมขณะกำลังร่วมเสนอข้อเสนอเชิงนโยบาย

นอกจากนี้การเสวนาได้ร่วมกันระดมความคิดเห็นเพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายใน 5 ประเด็น ได้แก่

  1. บริการและสวัสดิการที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อเด็ก

  2. มาตรการในการทำนโยบายคุ้มครองเด็กที่เหมาะสมและมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมภาคประชาสังคม ชุมชนและเด็ก รวมทั้งกระบวนการวิธีการและมาตรการตรวจสอบที่เป็นมิตรต่อเด็ก

  3. กระบวนการเยียวยาที่เพียงพอและเหมาะสมสำหรับเด็กและผู้ดูแลเด็ก

  4. การบริหารจัดการงบประมาณเพื่อจัดการรัฐสวัสดิการที่เหมาะสมกับเด็กในประเทศไทย

  5. กระบวนการสร้างความเข้าใจต่อสังคม สร้างชุมชนคุ้มครองเด็ก เรื่องการดูแลที่เหมาะสมในสถานสงเคราะห์

ซึ่งจะรวบรวมความคิดเห็นที่ได้ทั้งหมดจัดทำข้อเสนอนโยบายต่อภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป



 

ผู้ประสานงานกลางกลุ่มเครือข่ายคุ้มครองเด็กเฉพาะกิจ




ดู 88 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comentarios


bottom of page